เมนู

3. เผณปิณฑสูตร



ว่าด้วยขันธ์ 5 เปรียบด้วยฟองน้ำเป็นต้น



[242] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับที่ฝั่งแม่น้ำคงคา
เมืองอโยธยา.
ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียกภิกษุทั้งหลาย
มาแล้วตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แม่น้ำคงคานี้ พัดพาเอาฟองน้ำ
ก้อนใหญ่มา บุรุษผู้มีตาดี จะพึงเพ่งพินิจพิจารณาดูโดยแยบคาย
ซึ่งฟองน้ำจำนวนมากนั้น เมื่อเขาเพ่งพินิจพิจารณาดูโดยแยบคาย
ฟองน้ำนั้น พึงปรากฏเป็นของว่าง เป็นของเปล่า หาสาระมิได้เลย
สาระในฟองน้ำนั้น จะพึงมีได้อย่างไร แม้ฉันใด. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
รูปอย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งที่เป็นอดีต เป็นอนาคต และปัจจุบัน ฯลฯ
หรืออยู่ที่ไกลที่ใกล้ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ภิกษุเพ่งพินิจพิจารณาดูรูปนั้น
โดยแยบคาย เมื่อเธอเพ่งพินิจพิจารณาดูโดยแยบคาย รูปนั้นก็จะปรากฏ
เป็นของว่าง เป็นของเปล่า หาสาระมิได้เลย สาระในรูป จะพึงมีได้
อย่างไร ภิกษุทั้งหลาย.
[243] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อฝนเม็ดใหญ่ตกอยู่ในสรทสมัย
ต่อมน้ำจะเกิดขึ้นและดับไปในน้ำ บุรุษผู้มีตาดี จะพึงเพ่งพิจารณาดู
ต่อมน้ำนั้นโดยแยบคาย เมื่อเธอเพ่งพิจารณาดูโดยแยบคาย ต่อมน้ำนั้น
ก็จะปรากฏเป็นของว่าง เป็นของเปล่า หาสาระมิได้เลย สาระในต่อมน้ำ
จะพึงมีได้อย่างไร ภิกษุทั้งหลาย ฉันใด. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เวทนา
อย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน ฯลฯ หรืออยู่
ในที่ไกลที่ใกล้ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ภิกษุเพ่งพินิจพิจารณาดูเวทนานั้น
โดยแยบคาย เมื่อเธอเพ่งพินิจพิจารณาดูโดยแยบคาย เวทนานั้นจะ
ปรากฏเป็นของว่าง เป็นของเปล่า เป็นของหาสาระมิได้เลย สาระใน
เวทนา จะพึงมีได้อย่างไร ภิกษุทั้งหลาย.